แต่แนวทางหนึ่งที่หลายๆ
โรงงานเริ่มทำแล้ว นั่นคือ เปิดรับซื้อ “ยางเครป” มากขึ้น
เนื่องจากเป็นยางที่รีดน้ำและทำความสะอาดมาแล้ว
ซึ่งจะช่วยลดน้ำเสียและกลิ่นเหม็นในโรงงานไปได้มาก ขณะเดียวกันยังอาจจะลดขั้นตอนการผลิตลงได้อีกด้วย
เพียงแต่ที่ผ่านมาปริมาณยางเครปยังมีไม่มาก แต่ยางก้อนถ้วยมีมากและราคาต่ำกว่า
วงศ์บัณฑิต
อาจใช้ยางเครป แทน ยางก้อนถ้วย 100%
ขณะที่โรงงานวงศ์บัณฑิต สาขา พุนพิน
จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นผู้ซื้อผลิตยางแท่งรายใหญ่ มีวัตถุดิบป้อนโรงงานวันละ
1,000 ต้น โดยแบ่งเป็นยางเครป 400 ตัน และยางก้อนถ้วย 600 ตัน เคยเปิดเผยข้อมูลเรื่องนโยบายการซื้อยางเครปว่า
ปัจจุบันคุณภาพของเครปค่อนข้างดี จึงช่วยลดกลิ่นและเรื่องของสิ่งแวดล้อม
เพราะผ่านการรีดจากชาวสวนมาแล้ว อาจจะมีกลิ่นบ้าง แต่แห้งไม่มีน้ำ จึงลดในส่วนของน้ำเสีย
ก็ยังเป็นผลดีต่อชุมชน
โดยนโยบายของ บริษัทวงศ์บัณฑิต มีทิศทางจะใช้ยางเครปมากขึ้น
และอาจจะเยอะจนเต็มร้อย เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และที่แน่ๆ เครื่องจักรเราลดลง
“ระบบการตรวจวัดคุณภาพยาง จะใช้การวัดด้วยสายตาเป็นหลัก
ถ้าตกลงกันไม่ได้เราจะมีเครื่องวัดที่สามารถคำนวณได้ว่าเปอร์เซ็นต์จริงเท่าไร ด้วยวิธีเราเก็บตัวอย่างประมาณ
15 กก. มาชั่งน้ำหนัก แล้วเอาไปรีด จำนวนรอบจะเพิ่มขึ้นต้องรีดให้บาง ชั่งก่อนรีด
หลังรีด เวลาที่ดำเนินการตรงนี้ประมาณ 4 ชม.”
เมื่อวิเคราะห์จากโรงงานรับซื้อยางเครปรายใหญ่
ทำให้เห็นแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจยางเครป สอดคล้องกับ ข้อมูลของ นายไพโรจน์ พิกุลทอง เจ้าของ
บริษัท ไพโรจน์พารารุ่งเรือง (สุราษฎร์ธานี) จำกัด ผู้รับซื้อยางรายใหญ่
ในสุราษฎร์ธานี และยังเป็น นายก อบต.บางงอน ใน อ.พุนพิน ที่บอกว่านับจากนี้ไปธุรกิจยางเครปจะโตอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าเราสามารถสร้างความมั่นใจให้กับโรงงานได้
ผมว่าโรงงานก็พร้อมที่จะซื้อยางเครป เพราะการที่ได้ยางเครปไป จะเป็นการลดขั้นตอนการผลิตยางแท่งได้มากทีเดียว
รวมทั้งปัญหาเรื่องปริมาณ เพราะปัจจุบันการทำยางเครปยังไม่มากนัก
การวางแผนการผลิตจึงทำได้ยาก เพราะคนที่ผลิตยางเครปเองก็ต่างคนต่างทำ
ต่างคนต่างขายไม่รวมให้เกิดปริมาณ ถ้าทำได้ผมว่าตลาดยางเครปน่าจะโตในอนาคต”
เห็นได้จากการเติบโตอย่างมากใน
จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมี บริษัท วงศ์บัณฑิต เป็นผู้ซื้อรายใหญ่
คุณไพโรจน์สะท้อนภาพการทำยางของชาวสุราษฎร์ฯ
ว่า ปกติชาวสวนยางจะทำขี้ยางกันในช่วงต้นฤดูเปิดกรีด
เนื่องจากปริมาณน้ำยางยังออกไม่มากนัก เก็บมาทำยางแผ่นยังไม่คุ้ม
จึงปล่อยให้แข็งในถ้วยและเก็บขายเป็นขี้ยาง
ส่วนตัวเขาเอง ได้เริ่มจากการเปิดร้านรับซื้อยางแผ่นดิบเล็กๆ
ใน อ.พุนพิน ควบคู่กับเศษยาง ส่วนใหญ่เป็นขี้ยางที่เหลือจากการทำยางแผ่นดิบ
และยางเปิดกรีดต้นฤดู ก่อนจะส่งขายบริษัท วงษ์บัณฑิต จำกัด ใน จ.สุราษฎร์ธานี
ก่อนจะรับซื้อยางก้อนถ้วยเป็นตัวหลัก และยางแผ่นดิบเป็นตัวรองในปัจจุบัน
ลักษณะยางก้อนถ้วยที่ชาวสวนยางแถบนี้ผลิตคือ
เป็นยางก้อนถ้วยกรีด 7-8 มีด และเก็บมาขายร้านรับซื้อเลย
ต่างจากการซื้อขายยางของภาคอีสาน ที่จะมีการพักค้างคืนก่อนขาย เพราะทางใต้ไม่มีตลาดกลาง
หรือตลาดประมูลยางเหมือนภาคอีสาน
ส่วนพ่อค้าหรือผู้รับซื้อจะนำยางมาตากในลานให้แห้งก่อนขาย
ไม่นำส่งขายโรงงานทันที ซึ่งการนำยางมาตากจะทำให้เปอร์เซ็นต์เนื้อยางสูงขึ้น
และขายได้ราคาสูงกว่า แต่ในทางตรงกันข้ามเมื่อซื้อยางสดที่มีน้ำปนอยู่มาก
เมื่อนำมาตากน้ำหนักก็จะลดลง
“ถ้าซื้อยางมา 200
กก.เอามาตากจนแห้งน้ำหนักอาจจะเหลือแค่ 100 กก. น้ำหนักหายไป 50%” นี่คือความเสี่ยงสำคัญของธุรกิจซื้อขายยางก้อนถ้วย
ผู้ซื้อยางจึงต้องคำนวณราคาซื้อเผื่อความสูญเสียด้านนี้ด้วย
Advertising
แปรรูปเป็น
“ยางเครป” เพิ่มมูลค่า 2-3 บาท/กก.
วิธีแก้ปัญหาเรื่องน้ำหนักยางที่สูญหายคือ
การคัดเลือกยางก้อนถ้วยคุณภาพดี มาทำยางเครป เพื่อเพิ่มมูลค่า
เมื่อไรที่นำยางสวยกับยางไม่สวยขายคละกัน
โรงงานก็จะติได้ว่ายางไม่สวย จึงตีราคาต่ำ แต่ถ้าเมื่อไรที่นำยางมาทำยางเครป
บีบน้ำออกถึง 30%
จะได้ยางคุณภาพเท่ากันหมด
แต่กระบวนการทำยางเครป
หัวใจสำคัญคือ เรื่องความสะอาด ถ้ามีกระบวนการทำสะอาดคุณภาพยางเครปก็เหมือนกันหมดเป็นการลดจุดอ่อนของคุณภาพยาง
โอกาสที่จะเสียเปรียบโรงงานก็น้อยลง
ทั้งนี้ยางสวยในความหมายของเขาคือ
ยางก้อนถ้วยที่มีปริมาณน้ำอยู่น้อย ซึ่งต้องเป็นยางที่กรีด 7-8 มีด
เมื่อนำไปรีดแล้วน้ำหนักหายไม่มากนัก
ขณะที่ยางที่มีปริมาณน้ำปนอยู่น้อยน้ำหนักหายไม่มาก เมื่อนำมาทำเครป
จะได้ส่วนต่างกำไรสูงขึ้น
ปริมาณการทำยางเครปวันละ 4-5 ตันมีกำไรจากการทำยางเครปโดยเลือกยางสวยมาผลิต
ไพโรจน์บอกว่าน่าจะกำไร 2-3 บาท/กก. แต่ถ้านำยางที่มีน้ำอยู่เยอะหรือยางสด มารีดเครป
จะมีความชื้นหรือน้ำ 30-40%
เมื่อรีดเสร็จน้ำหนักจะหายเยอะ เสี่ยงต่อการขาดทุนสูง
คุณไพโรจน์บอกว่า การจะทำยางเครป
นอกจากดูลักษณะยางแล้ว ยังต้องดูว่าโรงงานที่จะขายต้องการยางเครปลักษณะอย่างไร
เพราะบางโรงงานต้องการเครปสดเครปแห้งไม่เท่ากัน เป็นเรื่องที่ผู้ผลิตยางเครปต้องศึกษา
เชื่อว่านับจากนี้เป็นต้นไป
กระแสการต่อต้านโรงงานยางแท่งที่ใช้ยางก้อนถ้วยเป็นวัตถุดิบจะถูกต่อต้านมากยิ่งขึ้น
หรือไม่ก็ต้องใช้ต้นทุนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมสูงขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจยางเครปขยายตัวเต็มที่
เพราะอีกไม่นานโรงงานยางแท่งจะต้องหันมาซื้อยางเครป เพื่อลดปัญหาเรื่องน้ำเสีย
กลิ่นเหม็น และยังลดขั้นตอนลง โดยเฉพาะส่วนของการทำความสะอาด เป็นต้น
ขอขอบคุณ
นายไพโรจน์
พิกุลทอง
อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โทรศัพท์
08-9874-6833, 08-1476-5472
Advertising
ลงโฆษณา โทร 08-6335-2703
ความคิดเห็น