ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สวนปาล์มสู้แล้งสามร้อยยอด ผลผลิต 4 ตัน/ไร่/ปี


“เมื่อก่อนมันต่างกับเดี๋ยวนี้อย่างกับคนละโลก ปาล์มยิ่งโตทะลายยิ่งใหญ่ ใส่แค่น้ำขี้หมูถูกๆ ได้ไร่ละไม่ต่ำกว่า 6 ตัน แต่เดี๋ยวนี้ยิ่งโตยิ่งเล็ก ปุ๋ยก็แพง อย่างเก่งไร่หนึ่งไม่เกิน 3 ตัน ดีที่ราคาอย่างนี้พออยู่ได้”

นายชาญชัย ธนะกมลประดิษฐ์ เจ้าของสวนปาล์มแห่งสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นกระจกสะท้อนภาพความแตกต่างของการทำสวนปาล์มน้ำมันระหว่างอดีต กับปัจจุบัน ได้อย่างแจ่มชัดที่สุด โดยเฉพาะในมิติผลผลิตและต้นทุน

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เป็นเช่นนี้ มาจากปัญหาใหญ่หลวง อย่าง “ภัยแล้ง”

“ปีที่แล้วฝนตกสองเดือนแล้งไปแปดเดือน พืชเศรษฐกิจที่นี่ได้รับผลกระทบหมด ทั้งสับปะรด ยาง และปาล์ม โดยเฉพาะยางยืนต้นตายจำนวนมาก ผลผลิตหายไปกว่า 50% เมื่อก่อนสหกรณ์ฯ (สหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด) รวมรวบยางอาทิตย์ละ 100 ตัน เดี๋ยวนี้เหลือแค่ 40-50 ตัน เท่านั้น ส่วนปาล์มเล็กอายุ 2-3 ปี ตายเสียหายไปกว่า 20%

นายชาญชัย ในฐานะประธานกลุ่มผู้ปลูกปาล์มสามร้อยยอดสะท้อนปัญหา ถามว่าน้ำและความชื้นสำคัญอย่างไรกับปาล์มน้ำมัน เขาบอกว่า ถ้าไม่มีน้ำเพียงพอต้นปาล์มจะออกแต่ช่อตัวผู้ไม่ติดดอกตัวเมียและติดทะลาย เมื่อไม่มีทะลายไม่มีผลผลิตก็จบเห่ กลายเป็น “พันธุ์ดูใบ” คือ มีแต่ใบไม่มีทะลาย…!!!

ทั้งนี้ปริมาณน้ำฝนที่เหมาะสมกับปาล์มน้ำมันโดยเฉลี่ยปีละอย่างน้อย ประมาณ 2,000-3,000 มม. ขึ้นไป โดยต้องไม่มีสภาพแห้งแล้งนานเกินไป ปริมาณการตกของฝนในรอบปี ต้องดีและสม่ำเสมอ เดือนที่มีฝนตกน้อยที่สุด ไม่ควรต่ำกว่า 100 มม. และไม่ควรขาดน้ำนานเกิน 4 เดือน แต่พื้นที่สามร้อยยอดมีปริมาณฝนเฉลี่ยเพียง 1,200 มม.เท่านั้น และก็อย่างที่บอกแล้งมหาโหดนานถึง 8 เดือน



จากการสอบถามข้อมูล นายชาญชัยให้ข้อมูลว่าในพื้นที่สามร้อยยอดมีผู้ปลูกปาล์มที่เป็นสมาชิก 148 ราย พื้นที่ปลูกรวม 10,400 กว่าไร่ ส่วนใหญ่นิยมปลูกปาล์มพันธุ์ยูนิวานิช สุราษฎร์ธานี และพันธุ์ซีพีไอ ส่วนสวนปาล์มของนายชาญชัยที่มีอยู่หลายแปลงรวมมากกว่า 300 ไร่ เขาปลูกอยู่ทั้ง 3 พันธุ์ และส่วนหนึ่งปลูกพันธุ์ปาล์มที่นำมาจากประเทศมาเลเซีย

จะว่าไปแล้วครอบครับของนายชาญชัย คือผู้ปลูกปาล์มยุคแรกๆ ของสามร้อยยอด เขาเล่าว่าปลูกตั้งแต่สมัยพ่อ เมื่อ 30 กว่าปีก่อน โค่นและปลูกใหม่ไป 1 รอบ และเร็วๆ นี้จะโค่นรอบที่สองอีกแปลง จึงทำให้เขารู้จักและเข้าใจพืชตัวนี้เป็นอย่างดี และรู้วิธีที่จะเรียนรู้เทคนิควิธีปลูกปาล์มสู้ภัยแล้งเป็นอย่างดีเช่นกัน

Advertising
ลงโฆษณาโทร.08-6335-2703

เริ่มต้นจากพื้นที่ปลูกปาล์มในพื้นที่นี้ไม่ควรปลูกในพื้นที่ดอนหรือพื้นที่เขา เพราะประเด็นสำคัญเลยคือ ปริมาณฝน และความชื้นในพื้นที่มีอยู่สองอย่างคือ แล้ง กับ แล้งมาก...!!!


จึงควรปลูกในพื้นที่ลุ่มที่มีแหล่งน้ำ หรือใกล้แหล่งน้ำ ถ้าไม่มีก็ต้องจัดสร้างขึ้นมา สวนปาล์มทุกแปลงของเขาจะสร้างแหล่งน้ำ ถ้ามีห้วยหรือคลองก็ต้องจัดการลอกให้ลึกทุกปีเพื่อให้สามารถเก็บน้ำไว้สู้ภัยแล้ง “ปีนี้ผมหมดเงินไปเกือบล้าน ลอกคลองและซ่อมแซมระบบน้ำ”

เมื่อมีแหล่งน้ำก็จะง่ายในการจัดการในช่วงแล้ง โดยจะมีวิธีให้น้ำ 2 รูปแบบ คือ แบบแรกอาศัยอย่างง่าย คือ สูบน้ำแล้วปล่อยให้ไหลไปตามร่องแปลงยาง และอีกระบบหนึ่งให้น้ำด้วยระบบสปริงเกลอร์ ครั้งละ 3-4 ชั่วโมง สลับกันไป

“ปัจจุบันสวนปาล์มต้องวางระบบน้ำ เจาะบาดาล สร้างฝายเก็บน้ำ เดี๋ยวนี้พื้นที่ไม่มีไฟฟ้าสำหรับสูบน้ำก็ใช้โซลาร์เซลล์ พลังงานแสงอาทิตย์เอา เพราะมันจำเป็น ขาดไม่ได้เลย”



อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อผลผลิตคือ ปุ๋ย ที่ผ่านมามีให้เลือกหลากหลายทั้งปุ๋ยสูตรสำเร็จ แบบปุ๋ยคอมปาวด์ ปุ๋ยเบาว์ หรือปุ๋ยผสมเอง ซึ่งสามารถซื้อได้ที่สหกรณ์ฯ แต่สวนปาล์มกว่า 300 ไร่ ของนายชาญชัย เลือกให้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน จากการตรวจคุณภาพดินในพื้นที่พบว่าในดินมีธาตุฟอสฟอรัส หรือปุ๋ยตัวกลางค่อนข้างสูง ดังนั้นปุ๋ยที่ให้จึงไม่เน้นตัวกลาง เน้นตัวหน้าและตัวท้ายสูงๆ

“ปุ๋ยที่ให้จะมีสูตร  21-0-0 (แอมโมเนียมซัลเฟต), 0-0-60 (โพแทสเซียมคลอไรด์) และ 0-3-0 (หินฟอสเฟต) เป็นสูตรที่สำนักงานเกษตรแนะนำ เพราะพื้นที่นี้มีตัวกลางสูง ปุ๋ยที่ใส่จึงให้ตัวกลางต่ำ เราต้องดูว่า “ดินต้นทุน” เรามีเท่าไหร่ จะทำให้ประหยัดปุ๋ยมากทีเดียว ต้นหนึ่งให้ครั้งละ 2-3 กก. ปีหนึ่งให้สัก 2 ครั้ง”

วิธีการหนึ่งที่นิยมในสวนปาล์มคือ เมื่อตัดแต่งทางปาล์มจะนำมาวางไว้ตรงกลางระหว่างแถวต้นปาล์ม โดยจะเว้นทางเดินไว้เป็นระยะๆ ทางปาล์มเหล่านี้จะช่วยรักษาความชื้นได้อย่างดีเยี่ยม และนานๆ ไปมันจะค่อยๆ ย่อยสลายกลายเป็นอินทรีย์ บรรดารากปาล์มมักจะวิ่งมาหาอาหารบริเวณนี้จำนวนมาก ดังนั้นเวลาให้ปุ๋ยก็จะไม่ใช้วิธีหว่านรอบต้นเหมือนเดิม แต่หว่านลงไปในกองทางปาล์มเลย

ประโยชน์ที่ได้คือ ปุ๋ยจะไม่ระเหยไปในอากาศเร็วเหมือนหว่านรอบต้น รากจะได้กินปุ๋ยเร็วและได้เต็มที่ ทำให้การให้ปุ๋ยเกิดประสิทธิภาพ และช่วยประหยัดได้ระดับหนึ่งทีเดียว

นอกจากนั้นยังมีแนวทางลดต้นทุนปุ๋ยด้วยการทำปุ๋ยหมักขึ้นเองภายในสวน โดยเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรจังหวัดร่วมกับสหกรณ์ โดยนำกากอ้อย ขี้ไก่ ขี้วัว และอีเอ็ม มาหมักรวมกัน กลายเป็นปุ๋ยหมักที่มีธาตุอาหารสูง สามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิด ส่วนหนึ่งก็นำมาใช้ในสวนปาล์มของสมาชิก โดยจะขายให้สมาชิกราคาต่ำ เพียงราคา ตันละ 1,000 บาท ขณะที่ราคาในท้องตลาดราคา 2,000 บาท เป็นหนึ่งในแนวทางการลดต้นทุนของชาวสวนปาล์ม และยังเป็นแนวทางให้สมาชิกนำไปใช้เองเพื่อลดต้นทุนในสวนปาล์มอีกด้วย




นายชาญชัยบอกว่า ทำสวนปาล์มใช้แรงงานน้อย ใช้แค่แรงงานตัดปาล์ม ใส่ปุ๋ย และตัดหญ้า โดยสวนขนาด 50-60 ไร่ ใช้แรงงานประจำแค่ 2 คน “แรงงานที่นี่หายากและราคาสูง ถ้าต้นปาล์มสูงๆ เก็บเกี่ยวยากก็ต้องใช้แรงงานเยอะ แม้ผลผลิตยังพอได้สองตันกว่า ก็ต้องตัดใจโค่นทิ้งปลูกใหม่ จะจัดการง่ายกว่า”

ประธานกลุ่มปาล์มน้ำมันสามร้อยยอด ให้ข้อมูลว่า ด้วยต้นทุนทางธรรมชาติต่ำ กว่าพื้นที่ภาคใต้ จึงทำให้ผลผลิตของสวนปาล์มในพื้นที่นี้อย่างสูงไม่เกิน 3 ตัน/ไร่ แต่หากบริหารจัดการดี จัดการน้ำและปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีสิทธิ์ได้ผลผลิตแตะ 4-5 ตัน/ไร่ได้

ขณะที่ราคาปาล์มน้ำมันปัจจุบันค่อนข้างเป็นที่พอใจ กก.ละ มากกว่า 5 บาท/กก. และมีลานรับซื้อในพื้นที่ ไม่ต้องบรรทุกไปขาย จ.ชุมพรเหมือนในอดีต ซึ่งเกิดจากการแข่งขันของลานรับซื้อ และโรงงานหีบปาล์มในพื้นที่ที่มีโรงงานขนาดกลางและขนาดเล็กขึ้นรวม 2-3 โรง

“มาปีสองปีนี้ราคาปาล์มในพื้นที่สูง บางช่วงสูงกว่าภาคใต้ด้วยซ้ำ เพราะเกิดโรงหีบใหม่ขึ้นใน จ.กาญจนบุรี เขาก็มีเครือข่ายเข้ามาซื้อปาล์มในพื้นที่ประจวบฯ เพชรบุรี และให้ราคาสูง เพราะผลผลิตเขาไม่เพียงพอป้อนโรงงาน จึงทำให้ราคาสูง ก็เป็นประโยชน์กับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม”


นายชาญชัยในฐานะรองประธานสหกรณ์ชาวไร่สับปะรด สามร้อยยอด มองภาพรวมของพืชเศรษฐกิจในพื้นที่ว่า ยาง ปาล์ม และสับปะรด ตอนนี้เป็นตัวหลัก ถ้าจะอยู่ได้ในพื้นที่ สับปะรดยังทำได้เพราะราคายังสูง ชาวไร่มืออาชีพจะอยู่ได้เพราะมีความรู้มีเทคนิคการบริหารจัดการที่ดี แต่มือสมัครเล่นมักจะล้มเหลว นี่คือสัจธรรมสำหรับพืชทุกตัว  

“แต่อุปสรรคที่สำคัญคือความแห้งแล้ง สับปะรดยังเป็นโอกาส ราคาสูงแต่แล้ง ผมทำทั้งสองตัว สวนปาล์มยังมีรายได้ 7-8 แสน/เดือน ยังเป็นรายได้ที่ดี มีสับปะรดเข้ามาร่วมด้วยก็พอทำให้ยังยืนหยัดอยู่ได้” 
สิ่งหนึ่งที่ทีมงานยาง&ปาล์มออนไลน์ มองเห็นจากการจัดการสวนปาล์มของนายชาญชัย คือเรื่องของเทคนิคการบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพ เพราะแม้จะมีอุปสรรคใหญ่ คือ ความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของการปลูกพืชทุกชนิด แต่ด้วยการสร้างแหล่งน้ำขึ้นมา แน่นอนว่าจะทำให้ต้นทุนสูง แต่เขาก็หาวิธีลดต้นทุนด้านอื่นๆ ทดแทน เช่น ลดต้นทุนปุ๋ยเคมี ด้วยการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และใช้ปุ๋ยหมักเสริม เป็นต้น

ขอขอบคุณ
นายชาญชัย ธนะกมลประดิษฐ์
สหกรณ์ชาวไร่สับปะรดสามร้อยยอด จำกัด
354 หมู่ 5 ถนนเพชรเกษม ตำบลศาลาลัย อำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77180 โทร.032-688638 แฟกซ์ 032-688084









ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ดีใจมากๆๆ ต้นโป๊ยเซียนจะกลับมานิยมอีกครั้ง
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
I am a member of Merit Casino Group, and you can join
Merit Casino Group, 제왕 카지노 the first online casino in the 1xbet world, is now live in Malta. It provides a 메리트카지노 vast selection of games, many payment methods and

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลงทุน ธุรกิจยางเครป อย่างไร ให้มีกำไร

พูดถึงธุรกิจการแปรรูปน้ำยางพาราตอนนี้ “ยางก้อนถ้วย” ดูจะเป็นคำตอบต้นๆ สำหรับเกษตรกรโดยเฉพาะพี่น้องสวนยางภาคเหนือและอีสานนิยมทำยางก้อนถ้วย เนื่องจากทำง่าย ใช้เวลาน้อย ต่างจากการทำยางแผ่นซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวัน แถมในกระบวนการผลิตยังต้องใช้น้ำปริมาณมาก ตรงข้ามกับการทำยางก้อนถ้วยที่ไม่ต้องใช้น้ำในกระบวนการเลยและเกษตรกรทำเองได้โดยไม่ต้องอาศัยแรงงานมาก เมื่อก่อนการจำหน่ายยางก้อนถ้วยอาจเป็นช่องทางที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น แต่กลับพบว่ามีจุดอ่อนบางประการทำให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบ ถูกกดราคาซื้อเนื่องจากปริมาณน้ำในก้อนยาง   คุณประธาน สังหาญ  (ซ้าย) ธุรกิจยางเครป จึงเกิดขึ้นเพื่อลบจุดอ่อนนี้ ทีมงานยาง & ปาล์มออนไลน์ ได้สัมภาษณ์ คุณประธาน สังหาญ  หนึ่งในผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ปัจจุบันได้ให้คำปรึกษากับพ่อค้ารับซื้อยางก้อนถ้วยเพื่อผลิตยางเครปส่งโรงงานและกลุ่มเกษตรกรหลายแห่งในเขตภาคเหนือ-อีสานเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจยางเครป โดยมีประเด็นสำคัญคือ ทำยางเครปอย่างไรให้ได้กำไร ศาสตร์ของการทำยางเครป “ไม่ขาดทุน” ที่ คุณประธาน สรุปคร่าวๆ มี 6 ข้อ หรือที่...

"ปุ๋ยปาล์มน้ำมัน" ใส่อย่างไรให้ผลผลิตสูง และลดต้นทุน

ปาล์มน้ำมัน เป็นไม้ยืนต้นที่มีอัตราเติบโตและให้ผลผลิตสูงในรูปน้ำมัน ซึ่งมีต้นทุนในการสังเคราะห์สูงกว่าแป้งและโปรตีน ปาล์มน้ำมันจึงต้องการธาตุอาหารปริมาณมาก ทีมงานยาง & ปาล์มออนไลน์ นำวิธีการใส่ปุ๋ยสวนปาล์มของ บริษัท ซีพีไอ อะโกรเทค จำกัด มานำเสนอ ซึ่งอยู่ใน ครือ บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน จำกัด (มหาชน) (ซีพีไอ)  ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นบริษัทแรกของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะครบวงจร  ตั้งแต่การทำสวนปาล์ม มากกว่า 20,000 ไร่ โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงกลั่นน้ำมันบริสุทธิ์   รวมถึงพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน วิธีการใส่ปุ๋ยที่สวนปาล์มของบริษัทซีพีไอที่ใช้มาอย่างต่อเนื่อง และได้ผลโดยตลอด คือ การใส่ปุ๋ยให้เพียงพอต่อการสร้างต้นและเพื่อการสร้างทะลาย  กล่าวคือ ปุ๋ยส่วนหนึ่งให้ธาตุอาหารที่จะถูกตรึงอยู่ในส่วนต่างๆ ของต้น ได้แก่ ใบ ลำต้น รากที่เพิ่มขึ้นต่อปี และปุ๋ยอีกส่วนหนึ่งให้ธาตุอาหารเพื่อชดเชยกับที่ติดไปกับทะลายปาล์มน้ำมัน การชดเชยธาตุอาหารตามผลผลิตทะลายปาล์ม จึงเป็นการคืนธาตุอาหารกลับคืนส...

สวนปาล์ม สุราษฎร์ฯ ตัดปาล์มสุก ต่อรองราคาเพิ่มจากโรงงานได้

“ ชาวสวนปาล์มต้องสร้าง “อำนาจ” หรือ “เครื่องต่อรอง” ขึ้นมาก่อน เพราะตราบใดที่ยังตัดปาล์มดิบ ก็ไม่ต่างอะไรกับ “นักรบมือเปล่า” ทางออกทางเดียวคือ หยุดตัดปาล์มดิบ หันมาตัดปาล์มสุก  อย่างพร้อมเพรียง เพื่อว่าอย่างน้อยก็เป็น   “ อาวุธ”   ต่อรองโรงงานได้ ในท้ายที่สุด ” องค์ประกอบที่เป็น “เสาหลัก” ของการปลูก “ปาล์มน้ำมัน” คือ ดิน น้ำ แสงแดด และปุ๋ย ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป ย่อมหมายถึง “ความพิกลพิการ” ที่สะท้อนออกมาในรูปของผลผลิต เช่น ผลผลิตต่ำ เป็นต้น แต่ถ้ามีเสาหลักครบทุกต้น ผลผลิตย่อมสูง ต้นทุนต่ำ และคุ้มค่า ด้วยเช่นกัน เหมือนกับสวนปาล์มของ นายวโรภาส คำดา ใน ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี บนพื้นที่ 20 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มปากแม่น้ำตาปี มี “น้ำ” เป็นเสาหลัก ซึ่งเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ดีของปาล์มน้ำมัน เพราะน้ำเป็นตัวเคลื่อนย้ายธาตุอาหารจากดินสู่ต้นปาล์ม ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ สามารถบริหารจัดการให้ครบองค์ประกอบได้ โดยเฉพาะปุ๋ย ถ้าให้อย่างเหมาะสม ผลผลิตจะสูง และสวนแห่งนี้เคยปั้นผลผลิตได้ถึง 7.2 ตัน/ไร่/ปี แต่นั่นเป็นเพียงผลผลิตเมื่อ ...