ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สวนยางยุคใหม่ ต้องเพิ่มผลผลิตด้วย เอทธิลีน


การ ลงทุนเพิ่ม ไม่ได้หมายความว่า  ต้นทุนเพิ่ม 
ถ้าเป็นการลงทุนที่ ทำให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น และผลผลิตสูงขึ้น ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ปัญหาราคายางตกต่ำได้ “ฝังรากลึก” ในอาชีพสวนยาง อย่างน้อยๆ ก็ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ชาวสวนยางต่างได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะชาวสวนยางที่ยึดยางพาราเป็น “กระดูกสันหลัง”

ขณะที่ราคายางในอนาคตยังไม่เห็นแนวโน้มว่าจะขยับสูงขึ้นในระยะยาว นั่นหมายความว่าราคายางจะยังคงตกต่ำต่อเนื่องไปอีกหลายปี

ถ้าราคายางยังตกต่ำอยู่อย่างนี้ ประกอบกับชาวสวนยางยังทำสวนยางแบบเดิมๆ คือ ผลผลิตต่อไร่ต่ำ แต่ต้นทุนการผลิตและต้นทุนแรงงานสูงขึ้นเรื่อยๆ อาชีพยางพาราคงถึง “ตอนอวสาน” อย่างแน่นอน

ถ้าชาวสวนยางยังไม่ปรับตัว เพื่อหาแนวทางการทำสวนยางรูปแบบใหม่ ที่ให้ผลผลิตสูง...!!!

หนึ่งในแนวทางการทำสวนยางเพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำยางที่มีการทำกันมานานในประเทศมาเลเซีย และประเทศไทย คือ การทำสวนยางเอทธิลีน ระบบ เลทไอ (Let-I) ที่สามารถเพิ่มน้ำยางได้มากถึง 300%
           
“เลทไอ” (LET- I) ของ หจก. ไอที รับเบอร์ เป็นผู้นำฮอร์โมนเอทธิลีนในยางพาราไทย เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์โดยคนไทย จนได้รับสิทธิบัตรคุ้มครองทางกฎหมาย โดยเป็นอุปกรณ์แบบ “ฝาครอบเหล็ก” รายแรกในประเทศ และต่างประเทศ ข้อดีของอุปกรณ์แบบฝาครอบเหล็ก คือ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้คงทน ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้นานหลายปี ที่สำคัญเกษตรกรสามารถติดตั้งง่าย และสะดวก


😜 เอทธิลีน ช่วยน้ำยางไหลนาน ผลผลิตเพิ่มขึ้น 300%

“เอทธิลีน” คือ ฮอร์โมนที่มีอยู่ในพืชโดยธรรมชาติ รวมถึงในต้นยางพารา เพียงแต่จะสูญเสียไปกับการกรีดเพื่อเอาน้ำยาง ส่งผลให้เอทธิลีนในต้นยางค่อยๆ ลดหายไป จนไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตและสร้างน้ำยาง จึงมีแนวคิดนำเอทธิลีนมาเติมให้ต้นยาง ซึ่งเป็นเอทธิลีนที่มีความบริสุทธิ์สูง 99.99 %

ฮอร์โมนตัวนี้ช่วยกระตุ้นท่อน้ำยางให้ขยายตัว จึงช่วยให้น้ำยางจึงไหลได้นานกว่าปกติ หรือประมาณ 13-15 ชั่วโมง ปริมาณจึงเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3-5 เท่า นอกจากนั้นยังพบว่าเมื่อใช้เอทธิลีนอย่างต่อเนื่องยังมีส่วนช่วยการเจริญเติบโตของต้นยางอีกด้วย

😜 อุปกรณ์ระบบ “เลทไอ” ประหยัด ทนทาน ติดตั้งง่าย

เอทธิลีนที่จะใช้กับต้นยางต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์ติดตั้ง เพื่อให้ตัวฮอร์โมนซึมผ่านเข้าสู่เปลือกยางได้ง่าย อุปกรณ์เลทไอ ประกอบไปด้วย 

1.กล่องฝาครอบเหล็ก มีลักษณะเป็นรูป 4 เหลี่ยม ผลิตจากเหล็กกล้าอย่างดี อุปกรณ์ตัวนี้ใช้ตอกเข้ากับเปลือกยางลึกประมาณ 3 มม. เพื่อให้ฮอร์โมนค่อยๆ ไหลซึมเข้าเปลือกยางและระบบท่อน้ำยาง 

2. ถุงเก็บฮอร์โมนและท่อสายยางสำหรับอัดเอทธิลีน ฮอร์โมนเอทธิลีนจะอัดเข้าไปทางท่อสายยาง เพื่อนำไปเก็บไว้ในถุง ก่อนจะไหลเข้าสู่กล่องฝาครอบเหล็ก จากนั้นจะค่อยๆ ซึมเข้าเปลือกยาง อุปกรณ์ติดตั้งเอทธิลีนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าอุปกรณ์ไม่ดีจะมีผลต่อประสิทธิภาพของฮอร์โมน อาจทำให้เอทธิลีนเกิดการรั่วไหล รวมไปถึงการติดตั้ง ต้องติดตั้งได้สะดวก ง่าย ทนทาน และคุ้มค่าแก่การลงทุน เป็นต้น

😜 ขั้นตอนการติดตั้ง อุปกรณ์ระบบ เลทไอ

ในอดีตกำหนดให้ใช้เอทธิลีนกับต้นยางแก่ ให้ผลผลิตน้อย หรือ ต้นยางใกล้โค่น เท่านั้น แต่ระยะหลังนิยมใช้กับต้นยางแก่ที่หมดหน้ากรีดปกติ (ยางหน้าต่ำ) แต่ยังมีพื้นที่เปลือกยางด้านบนที่ยังไม่เคยกรีดมาก่อน (ยางหน้าสูง) เมื่อติดตตั้งอุปกรณ์เอทธิลีนจะทำให้ได้น้ำยางเพิ่มสูงขึ้นกว่าการกรีดยางหน้าปกติ 

ต้นยางที่เหมาะสมแก่การใช้ฮอร์โมนเอทธิลีนคือ อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป แต่ระยะหลังๆ เริ่มมีงานทดลองของราชการ และเกษตรกรหัวก้าวหน้าเริ่มใช้เอทธิลีนกับต้นยางที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ได้ โดยต้นยางไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ผลผลิตสูงขึ้นหลายเท่าจากปกติ

การติดตั้งอุปกรณ์เอทธิลีน เริ่มต้นจาก เตรียมอุปกรณ์ติดตั้ง ประกอบด้วย ชุดอุปกรณ์ฝาครอบเหล็ก บล็อกตอก ค้อน และบันได (สำหรับติดตั้งยางหน้าสูง)

  • เมื่อพิจารณาแล้วว่าต้นยางต้นไหนเหมาะสม ก็ให้ตั้งหน้ากรีด กว้างประมาณ 4 นิ้ว
  • กำหนดตำแหน่งติดตั้งอุปกรณ์ โดยติดตั้งไว้ทางซ้ายของหน้ากรีด เพราะจะไม่เกะกะระหว่างกรีด หรืออาจจะติดตั้งไว้ต่ำกว่ารอยกรีดเล็กน้อย
  • ก่อนตอกฝาครอบเหล็ก ควรขูดผิวเปลือกต้นยางบริเวณที่จะตอกให้เรียบเพื่อให้ฮอร์โมนไหลสู่เปลือกยางได้ง่ายขึ้น และป้องกันเอทธิลีนรั่วไหล

  • ใส่กล่องฝาครอบเหล็กลงในบล็อกตอก แล้วใช้ค้อนตอกให้กล่องฝาครอบเหล็กติดกับเปลือกยางในบริเวณที่กำหนดลึกประมาณ 3 มม.สาเหตุที่ใช้บล็อกตอกเพื่อป้องกันการตอกลงไปกับหัวตอกโดยตรง จะทำให้หัวอุปกรณ์เสียหาย อีกทั้งยังเป็นการควบคุมไม่ให้ตอกลึกเกินไปจนเข้าเนื้อไม้
  • เมื่อติดตั้งชุดอุปกรณ์เรียบร้อย จึงอัดเอทธิลีนเข้าไปยังสายยางชุดอุปกรณ์ประมาณต้นละ 40 ซีซี

  • หลังอัดเอทธิลีนทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง จึงทำการเปิดกรีดในตอนเย็นตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป แล้วไปเก็บน้ำยางในช่วงเช้าของอีกวัน เพราะน้ำยางจะไหลนาน 13-15 ชม. ซึ่งต้องใช้ถ้วยรองน้ำยางใหญ่กว่าปกติ อย่างน้อยขนาด 2 ลิตรขึ้นไป สำหรับเก็บน้ำยางสด แต่ถ้าทำยางก้อนถ้วยต้องใช้ขนาด 3-5 ลิตร
  • ระบบการกรีด ใช้วิธี กรีด 1 วัน เว้น 2 วัน

😜 ทำสวนยางเอทธิลีน ยืดอายุต้นยาง 50 ปี

การทำสวนยางด้วยเอทธิลีน นอกจากเพิ่มผลผลิตน้ำยางแล้ว ยังสามารถลดขั้นตอนการทำงานลง เมื่อเปรียบเทียบกับการทำสวนยางระบบปกติ ที่สำคัญยังช่วยยืดอายุต้นยางได้มากกว่า 50 ปี ไม่ทำให้เนื้อไม้เสียหายโดยมีหลักฐานทางวิชาการอ้างอิง
การทำสวนยางเอทธิลีน ช่วยยืดอายุต้นยางได้อย่างไรบ้าง...???

เริ่มจาก วันกรีด ปกติการกรีดยางทั่วไปจะกรีด 2 วัน เว้น 1 วัน หรือบางรายอาจจะถี่กว่านั้น 3 วันเว้น 1 วัน เป็นต้น แต่ระบบกรีดสวนยางเอทธิลีน แนะนำให้กรีด 1 วัน เว้น 2 วัน เพราะปริมาณน้ำยางจะออกมาปริมาณมากต่อการกรีดหนึ่งครั้ง หรืออย่างน้อย 3 เท่าตัว ต้นยางจึงจำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นและสร้างน้ำยางนานกว่าระบบปกติ ดังนั้นระยะเวลาการกรีดยางจึงน้อยลง เหลือเพียงแค่ 8-10 วัน/เดือน

กรีดยางหน้าสั้น 4 นิ้ว ไม่สิ้นเปลืองเปลือกยาง การกรีดยางปกติมักนิยมกรีด ครึ่งต้น, 1 ใน 3 ของต้น และ 1 ใน 4 ของต้น ขึ้นอยู่กับพื้นที่ อย่างภาคอีสานนิยมการกรีดแบบครึ่งต้น และกรีดถี่ จึงทำให้หน้ายางหมดไว

แต่การทำสวนยางเอทธิลีน แนะนำให้กรีดหน้ากว้างเพียง 4 นิ้ว ซึ่งแต่การกรีดหน้ายางสั้นไม่ส่งผลต่อปริมาณน้ำยาง เนื่องจากมีเอทธิลีนกระตุ้นให้น้ำยางไหลนานขึ้นกว่าปกติ อีกทั้งเมื่อระยะเวลากรีดน้อยลง เพียง 8-10 วัน/เดือน ทำให้สิ้นเปลืองหน้ายางน้อยมาก จึงเป็นการยืดอายุต้นยางได้อย่างดี ต้นยางอาจให้ผลผลิตได้นานถึง 50 ปี โดยไม่ทำให้เนื้อไม้เกิดความเสียหาย ชาวสวนยางจึงไม่ต้องโค่นยางปลูกใหม่กันบ่อยๆ

ทั้งนี้ระบบการทำงานของสวนยางเอทธิลีนต่างกับสวนยางปกติ คือ ช่วงเวลาการกรีด จากที่ต้องกรีดตั้งแต่ 4 ทุ่มเป็นต้นไป ก็เปลี่ยนมากรีดช่วง 4 โมงเย็น คนกรีดยางจึงไม่ต้องกรีดยางกลางคืน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ และเก็บน้ำยางในช่วงเช้า

         
😜 ต้นทุน อุปกรณ์ระบบเลทไอ ประหยัดและคุ้มค่า

เมื่อเห็นผลของข้อดีของการทำสวนยางเอทธิลีนแล้ว ลองมาดูว่าการลงทุนติดตั้งอุปกรณ์เอทธิลีนต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่...???

อุปกรณ์ติดตั้งเอทธิลีนระบบเลทไอ ราคาเพียง 25 บาท/ชุด ซึ่งเป็นราคาถูกและคุ้มค่ามากที่สุด หรือลงททุนเพียงไร่ละ 1,500 บาท (ยาง 60 ต้นไร่) ส่วนฮอร์โมนเอทธิลีน เลทไอราคากระป๋องละ 68 บาท/กระป๋อง

การอัดเอทธิลีนจะอัดครั้งละ 40 ซีซี และจะอัดหลังการกรีด 2 ครั้ง หรือ 2 มีด ต้นทุนเอทธิลีนต้นละประมาณ 40 สตางค์เท่านั้น 
          
หลังจากติดตั้งอุปกรณ์ประมาณ 2-3 เดือน ต้นยางจะเกิดการขยายตัวของเปลือก อาจจะเกิดรอยรั่วระหว่างฝาครอบเหล็กกับเปลือกยาง จำเป็นต้องย้ายตำแหน่งตอกอุปกรณ์ โดยเลื่อน ต่ำลงมาจากจุดเดิมเล็กน้อย

เรื่องที่ต้องยึดเป็น “กฎเหล็ก” ของสวนยางเอทธิลีนคือ การบำรุงรักษาต้นยาง เนื่องจากปริมาณน้ำยางออกมาจำนวนมาก การใส่ปุ๋ยจึงต้องสัมพันธ์และสอดคล้องกัน จากเดิมที่ให้ปุ๋ย ปีละ 2 ครั้ง อาจจะเพิ่มปริมาณมากขึ้น หรือจะเลือกใส่ปุ๋ยถี่ขึ้น โดยอาจจะแบ่งใส่เป็นปีละ 3 ครั้ง โดยใช้ปุ๋ยปริมาณเท่าเดิม ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของพื้นที่

😜 บทสรุปข้อดีจากการทำสวนยางเอทธิลีน ระบบเลทไอ

👍เพิ่มผลผลิตมากกว่า 300 % ต่อครั้งกรีด (มากกว่า 3 เท่า)
👍 ประหยัดเปลือกยางโดยกรีดหน้ายางยาวแค่ 4 นิ้ว จึงยืดระยะเวลาการกรีดยางยาวนานเกิน 50 ปี
👍ลดเวลาในการกรีด จึงมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น สุขภาพแจ่มใสแข็งแรง
👍ไม่ทำให้ต้นยางเป็นโรคเปลือกแห้ง เนื่องจากกรีดน้อยลง ต้นยางมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
👍เนื้อไม้ไม่เสีย ขายได้ราคา
👍รับรองโดยสถาบันการยางมาเลเซีย  เลขที่สิทธิบัตร 22925

😜 เสียงจากชาวสวนยางหัวก้าวหน้า เพิ่มผลผลิตยางด้วยเอทธิลีนระบบเลทไอ

สวนผู้ใหญ่จักรชัย ไสยรินทร์ อ.บ้านนาเดิม   จ.สุราษฎร์ธานี  ผมผู้ใหญ่จักรชัยคนบ้านนาเดิม ผมได้ใช้อุปกรณ์ระบบ LET- I มาแล้วเป็นปีที่ 15 สภาพต้นยางตอนนี้ยังปกติดีทุกอย่าง ตอนนี้มั่นใจ 100ว่าการใช้ฮอร์โมนเอทธิลีนไม่มีผลเสียต่อต้นยางแน่นอน ผลผลิตตอนนี้ผมใช้อุปกรณ์ตลอดระยะที่ผ่านมาทำรายได้ให้ผมมหาศาล โทรศัพท์ 08-9723-8041 

สวนคุณจักรณัฐพันธ์ กิจประสาน (ซ้ายสุด) อ.ตะกั่วทุ่ง  จ.พังงา   ผมใช้อุปกรณ์ระบบ LET- I มาเป็นปีที่ 6 แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นผมมีประสบการณ์ใช้เอทธิลีนมานานกว่า 12 ปี ผมมั่นใจระบบการอัดฮอร์โมนระบบ LET- I ลงทุนแค่ครั้งเดียวใช้อุปกรณ์ได้หลายปี ผลผลิตที่ได้รับเฉลี่ย 750-800 กก./ไร่/ปี ผมใช้อุปกรณ์ที่สวนของตัวเองและเกษตรกรที่อยู่รอบสวนประมาณ 100,000 กว่าต้น ผลผลิตและรายได้ที่ผมได้รับมันคุ้มค่ามาก โทรศัพท์  08-1477-7644

สวนคุณศุภกร เกิดผลทวี  (โกมาตี่) อ.ถลาง  จ.ภูเก็ต ผมได้ใช้อุปกรณ์ระบบ LET- I กับต้นยางเริ่มเปิดกรีด (5 ปีครึ่ง) และเก็บข้อมูลว่าจะมีผลอย่างไรกับต้นยาง เพราะที่ผ่านมามีการแนะนำให้ใช้กับต้นยางอายุ 15 ปี ขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันผมใช้ LET- I กับต้นยางเริ่มเปิดกรีดติดต่อกันเป็นปีที่ 6 แล้ว ต้นยางยังสมบูรณ์ดี และให้น้ำยางสูงกว่าระบบปกติ ผมจึงมั่นใจระบบการอัดฮอร์โมนระบบ LET- I ลงทุนแค่ครั้งเดียวใช้อุปกรณ์ได้หลายปีผลผลิตที่ผมใช้อุปกรณ์ที่สวนประมาณ 3,000 กว่าต้นผลผลิตและรายได้ที่ผมได้รับมันคุ้มค่า กว่าการทำสวนยางปกติ โทรศัพท์ 08-1797-7359

สวนคุณสมคิด โพธิ์เพชร  อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ผมได้ใช้อุปกรณ์ระบบ LET-I ต่อเนื่องมาเป็นปี 15 แล้วประสบการณ์กับการใช้เอทธิลีนมานานผมมั่นใจระบบการอัดฮอร์โมนระบบ LET-I  ลงทุนแค่ครั้งเดียวใช้อุปกรณ์ได้หลายปีผลผลิตที่ผมได้รับต่อไร่/ต่อปี 700 กก.(เฉลี่ย) ผมใช้อุปกรณ์ที่สวนประมาณ 10,000 กว่าต้น ผลผลิตและรายได้ที่ผมได้รับมันคุ้มค่าจริงๆ โทรศัพท์  08-7465-2988



 สื่อมวลชนและเกษตรกรจากประเทศจีนเข้าเยี่ยมชมแปลงยางที่ใช้ฮอร์โมนเอทธีลีน ระบบเลทไอ ใน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 

 สื่อมวลชนและเกษตรกรจากประเทศจีนเข้าเยี่ยมชมแปลงยางที่ใช้ฮอร์โมนเอทธีลีน ระบบเลทไอ ใน อ.เมือง จ.พัทลุง



ผ่าพิสูจน์ต้นยางที่ใช้เอธิลีนอย่างต่อเนื่อง 15 ปี ไม่ส่งผลกระทบกับเนื้อไม้แต่อย่างใด

สนใจทำสวนยางเอทธิลีนระบบเลทไอ ติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ หจก.ไอทีรับเบอร์
1 หมู่ 9 ตำบลตาเนาะแมเราะ  อำเภอเบตง  จังหวัดยะลา
โทรศัพท์ 08-1969-29080-7328-6156-7 



advertivsing

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลงทุน ธุรกิจยางเครป อย่างไร ให้มีกำไร

พูดถึงธุรกิจการแปรรูปน้ำยางพาราตอนนี้ “ยางก้อนถ้วย” ดูจะเป็นคำตอบต้นๆ สำหรับเกษตรกรโดยเฉพาะพี่น้องสวนยางภาคเหนือและอีสานนิยมทำยางก้อนถ้วย เนื่องจากทำง่าย ใช้เวลาน้อย ต่างจากการทำยางแผ่นซึ่งต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวัน แถมในกระบวนการผลิตยังต้องใช้น้ำปริมาณมาก ตรงข้ามกับการทำยางก้อนถ้วยที่ไม่ต้องใช้น้ำในกระบวนการเลยและเกษตรกรทำเองได้โดยไม่ต้องอาศัยแรงงานมาก เมื่อก่อนการจำหน่ายยางก้อนถ้วยอาจเป็นช่องทางที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น แต่กลับพบว่ามีจุดอ่อนบางประการทำให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบ ถูกกดราคาซื้อเนื่องจากปริมาณน้ำในก้อนยาง   คุณประธาน สังหาญ  (ซ้าย) ธุรกิจยางเครป จึงเกิดขึ้นเพื่อลบจุดอ่อนนี้ ทีมงานยาง & ปาล์มออนไลน์ ได้สัมภาษณ์ คุณประธาน สังหาญ  หนึ่งในผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ ปัจจุบันได้ให้คำปรึกษากับพ่อค้ารับซื้อยางก้อนถ้วยเพื่อผลิตยางเครปส่งโรงงานและกลุ่มเกษตรกรหลายแห่งในเขตภาคเหนือ-อีสานเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจยางเครป โดยมีประเด็นสำคัญคือ ทำยางเครปอย่างไรให้ได้กำไร ศาสตร์ของการทำยางเครป “ไม่ขาดทุน” ที่ คุณประธาน สรุปคร่าวๆ มี 6 ข้อ หรือที่...

"ปุ๋ยปาล์มน้ำมัน" ใส่อย่างไรให้ผลผลิตสูง และลดต้นทุน

ปาล์มน้ำมัน เป็นไม้ยืนต้นที่มีอัตราเติบโตและให้ผลผลิตสูงในรูปน้ำมัน ซึ่งมีต้นทุนในการสังเคราะห์สูงกว่าแป้งและโปรตีน ปาล์มน้ำมันจึงต้องการธาตุอาหารปริมาณมาก ทีมงานยาง & ปาล์มออนไลน์ นำวิธีการใส่ปุ๋ยสวนปาล์มของ บริษัท ซีพีไอ อะโกรเทค จำกัด มานำเสนอ ซึ่งอยู่ใน ครือ บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน จำกัด (มหาชน) (ซีพีไอ)  ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นบริษัทแรกของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะครบวงจร  ตั้งแต่การทำสวนปาล์ม มากกว่า 20,000 ไร่ โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงกลั่นน้ำมันบริสุทธิ์   รวมถึงพัฒนาพันธุ์ปาล์มน้ำมัน วิธีการใส่ปุ๋ยที่สวนปาล์มของบริษัทซีพีไอที่ใช้มาอย่างต่อเนื่อง และได้ผลโดยตลอด คือ การใส่ปุ๋ยให้เพียงพอต่อการสร้างต้นและเพื่อการสร้างทะลาย  กล่าวคือ ปุ๋ยส่วนหนึ่งให้ธาตุอาหารที่จะถูกตรึงอยู่ในส่วนต่างๆ ของต้น ได้แก่ ใบ ลำต้น รากที่เพิ่มขึ้นต่อปี และปุ๋ยอีกส่วนหนึ่งให้ธาตุอาหารเพื่อชดเชยกับที่ติดไปกับทะลายปาล์มน้ำมัน การชดเชยธาตุอาหารตามผลผลิตทะลายปาล์ม จึงเป็นการคืนธาตุอาหารกลับคืนส...

สวนปาล์ม สุราษฎร์ฯ ตัดปาล์มสุก ต่อรองราคาเพิ่มจากโรงงานได้

“ ชาวสวนปาล์มต้องสร้าง “อำนาจ” หรือ “เครื่องต่อรอง” ขึ้นมาก่อน เพราะตราบใดที่ยังตัดปาล์มดิบ ก็ไม่ต่างอะไรกับ “นักรบมือเปล่า” ทางออกทางเดียวคือ หยุดตัดปาล์มดิบ หันมาตัดปาล์มสุก  อย่างพร้อมเพรียง เพื่อว่าอย่างน้อยก็เป็น   “ อาวุธ”   ต่อรองโรงงานได้ ในท้ายที่สุด ” องค์ประกอบที่เป็น “เสาหลัก” ของการปลูก “ปาล์มน้ำมัน” คือ ดิน น้ำ แสงแดด และปุ๋ย ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป ย่อมหมายถึง “ความพิกลพิการ” ที่สะท้อนออกมาในรูปของผลผลิต เช่น ผลผลิตต่ำ เป็นต้น แต่ถ้ามีเสาหลักครบทุกต้น ผลผลิตย่อมสูง ต้นทุนต่ำ และคุ้มค่า ด้วยเช่นกัน เหมือนกับสวนปาล์มของ นายวโรภาส คำดา ใน ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี บนพื้นที่ 20 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มปากแม่น้ำตาปี มี “น้ำ” เป็นเสาหลัก ซึ่งเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ดีของปาล์มน้ำมัน เพราะน้ำเป็นตัวเคลื่อนย้ายธาตุอาหารจากดินสู่ต้นปาล์ม ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ สามารถบริหารจัดการให้ครบองค์ประกอบได้ โดยเฉพาะปุ๋ย ถ้าให้อย่างเหมาะสม ผลผลิตจะสูง และสวนแห่งนี้เคยปั้นผลผลิตได้ถึง 7.2 ตัน/ไร่/ปี แต่นั่นเป็นเพียงผลผลิตเมื่อ ...